ใครว่าต้องเป็นเจ้าของกิจการถึงรวยได้ มนุษย์เงินเดือนก็มีวิธีรวยหรือสะสมความมั่งคั่งเช่นเดียวกัน เรียนรู้วิธีการวางแผนและมองหาโอกาสในการสะสมความมั่งคั่งให้กับคุณยามเกษียณ แล้วคุณจะพบว่าการเป็นมนุษย์เงินเดือนก็รวยได้แบบไม่น้อยหน้าใคร!
เรามักจะได้ยินมนุษย์เงินเดือนจับกลุ่มพูดคุยกันว่า เป็นลูกจ้างยังไงก็ไม่รวย ทำเยอะแค่ไหนก็เป็นรายได้บริษัทฯ ทั้งหมด ประโยคเหล่านี้แม้ไม่ผิดแต่ก็ไม่ถูกทั้งหมดซะทีเดียว เพราะในกลุ่มเจ้าของกิจการมือใหม่ ก็มีไม่น้อยที่พ่ายแพ้และหนีกลับเข้าไปเป็นมนุษย์เงินเดือนอีกครั้ง
"การเป็นมนุษย์เงินเดือนและเจ้าของกิจการนั้นมีข้อดีข้อเสียที่ต่างกัน การเป็นเจ้าของกิจการทำมากได้มากทำน้อยได้น้อย ต้องลงแรงเต็มที่ตั้งแต่ต้นจนจบ หาลูกค้า หาของขาย ลงมือขายของ เก็บเงิน จ้างลูกน้อง ทำบัญชี ทำทุกอย่างที่เป็นองค์ประกอบทางธุรกิจ โดยมีจุดจบอยู่สองทางคือ ไม่เจ๋งก็เจ๊งไปเลย ในขณะที่มนุษย์เงินเดือน ทำงานหน้าเดียว ไม่หรูหราร่ำรวยเท่าไหร่ แต่ได้เงินแน่ๆ ทุกเดือน ก็สุดแท้แต่ความชื่นชอบของแต่ละคนว่า อยากจะโลดโผน กล้าได้กล้าเสียกันขนาดไหน แต่ทว่า มีมนุษย์เงินเดือนไม่น้อยที่สะสมความร่ำรวยและความมั่งคั่ง จากการวางแผนทางการเงินได้เฉกเช่นเดียวกับเจ้าของกิจการ แถมความเสี่ยงยังน้อยกว่าเพราะมีรายได้ประจำ"
อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา และ หนทางหมื่นลี้ เริ่มต้นที่ก้าวแรก ยังคงใช้ได้ในทุกยุคทุกสมัย การเป็นมนุษย์เงินเดือนมีข้อดีคือ มีเงินเข้าเป็นประจำ ส่วนข้อเสียนั้นคือ เงินไม่พอใช้ ใครกำลังอยู่ในวงจรนี้ เรียกได้เลยว่า “มนุษย์เงินเดือนของแทร่” หลักการสะสมความรวยที่บรรดากูรู มักแนะนำให้ทุกคนทำคือ ใช้เงินต่อเงิน หรือเรียกว่า “Passive Income” หมายความว่า นอนเฉยๆ เงินก็ทำงานผ่านการลงทุนต่างๆ ถึงจะร่ำรวยได้ดังหวัง
อ่านมาถึงตรงนี่้แล้ว มนุษย์เงินเดือนของแทร่ ก็คงส่ายหัวว่า ซื้อไข่ไก่ยังลำบาก จะเอาเงินถุงเงินถังที่ไหนไปซื้อบ้านปล่อยเช่า ซื้อที่ดินเก็งกำไร หรือไปเล่นหุ้นเป็นล้านๆ ใจเย็นก่อน... อย่างที่บอกไปแล้วว่า หนทางหมื่นลี้เริ่มต้นที่ก้าวแรก มหาเศรษฐีส่วนใหญ่มักเริ่มต้นจากความจน เรามาเริ่มสำรวจกันว่า เราจะจัดการอย่างไรได้บ้าง
เริ่มต้นทำรายรับรายจ่าย เพื่อดูกระแสเงินเข้าออกเสียก่อนว่า เงินเราไม่พอใช้เพราะเราใช้ไปกับอะไรไม่รู้ หรือรายได้เราไม่เพียงพอจริงๆ บางคนเงินหมดบัญชี หมดกระเป๋าทุกเดือน มานั่งสำรวจดูรายจ่าย โดนค่ากาแฟแก้วละ 150 บาท เดือนละ 3,300 บาท ในขณะที่กาแฟแก้วละ 60 บาท ก็สามารถทดแทนกันได้เช่นกัน ทุกวันที่ 1 และ 16 มีเงินไหลออกจากการเสี่ยงโชคไปกี่มากน้อย สารพัด Streaming ที่ Subscription เดือนละ 3,000 บาท แต่เข้าไปเลือกปกหนัง ก่อนปิดมันลงเพราะไม่รู้จะดูอะไร ขั้นแรกของความร่ำรวยคือ ตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออก และหาสิ่งที่เทียบเท่ามาทดแทน
คนโง่ย่อมตกเป็นเหยื่อของคนฉลาด ประโยคนี้เป็นความจริง การเข้าสู่การลงทุนโดยขาดความเชี่ยวชาญ ล้วนแต่มีความเสี่ยงสูงลิบลิ่ว ที่จะทำให้เงินของเราไหลไปสู่กระเป๋าคนอื่นที่ฉลาดกว่าเรา ดังนั้นอย่าละทิ้งเวลาต่างๆ ในชีวิตที่จะทำให้เรามีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการลงทุนมากขึ้น การลงทุนในแบบฉบับมนุษย์เงินเดือน มีหลากหลายรูปแบบ บางคนเลือกจะลงทุนในกองทุน หรือตลาดหุ้น ในเดือนละเท่าๆ กัน เพื่อให้เกิดปรากฎการณ์ทบต้นทบดอก ซึ่งจะสร้างมูลค่าเพิ่มได้ บางคนชอบลงทุนในธุรกิจที่จับต้องได้ แบบไม่เปลืองแรงมากนัก เช่น หาที่วางตู้กดน้ำดื่มหยอดเหรียญ เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญไปวางตามหอพักหรือแหล่งชุมชน วางตู้คีบตุ๊กตาในห้างสรรพสินค้า บางคนลงแรงสักนิด หาของที่คิดว่าจะขายได้ ไปวางฝากขายตามคาเฟ่ หรือพื้นที่วางจำหน่ายแบบฝากขายต่ออีกที ก็สามารถทำได้ ข้อสำคัญของการทำเรื่องนี้คือ ต้องตั้งใจหาความรู้และทดลองทำเล็กๆ น้อยๆ และค่อยๆ ขยายอย่างระมัดระวัง อย่าทุ่มทุนหมดตัว ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง แบบนี้จะทำให้เราเข้าสู่วงจรวิกฤตภายหลังได้ ที่สำคัญมากคือการได้เงินมาแบบสบายๆ ไม่มีจริง ร้อยทั้งร้อยที่บอกให้ลงทุนโดยไม่ทำอะไรรอรับผลตอบแทนล้วนแต่หลอกลวงล้านเปอร์เซ็นต์
นักลงทุนจำนวนไม่น้อย ที่ล่มสลายด้วยความโลภ และวินัยที่อ่อนแอ เราต้องแยกเงินทำธุรกิจอย่างชัดเจนกับการใช้ส่วนตัว กฎเหล็กสำคัญที่สุดคือ ห้ามดึงเงินที่ใช้ทำธุรกิจมาใช้ส่วนตัวเป็นอันขาด เพราะจะทำให้ธุรกิจติดขัด และการวางแผนการเงินเพื่อมีทางหนีทีไล่ เป็นเรื่องสำคัญที่ให้ความโลภครอบงำไม่ได้ ในช่วงแรกหากธุรกิจไปด้วยดี นักลงทุนส่วนใหญ่จะขยายอย่างหน้ามืด ทุ่มสุดตัวเรียกว่า มีบ้านขายบ้านมีรถขายรถ การขยายอย่างรวดเร็วไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่ต้องรอบคอบ มนุษย์เงินเดือน ควรแบ่งสัดส่วนเงินให้เหมาะสม และมีไว้เพื่อประคับประคองชีวิตหากการลงทุนไม่เป็นไปตามความคาดหวัง อาทิ การสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ การแบ่งเงินบางส่วนไปซื้อประกันสุขภาพ หรือประกันออมทรัพย์ หรือลงทุนในประกันบำนาญ เพื่อวางรากฐานที่มั่นคงให้ชีวิตเดินต่อไปได้ หากสะดุดระหว่างทาง
ไม่ว่าจะเป็นการกู้เงินซื้อบ้าน หรือซื้อรถ ที่เกินความจำเป็น รวมถึงสินเชื่อบุคคลที่มีดอกเบี้ยสูง ซึ่งดอกเบี้ยจะสูบเม็ดเงินที่เราควรนำไปลงทุนให้เกิดดอกผลได้อย่างมหาศาล ( อ่านเพิ่มเติม : หนี้ก้อนแรกของคนวัยทำงาน ควรซื้ออะไรระหว่างบ้านหรือรถ? )
หนทางของความมั่งคั่งร่ำรวย ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ต้องอดทน อดออม มัธยัสถ์ เพื่อไปถึงความสำเร็จ ช่วงแรกๆ จะมีความลำบากมากเนื่องจากเม็ดเงินตั้งต้นของมนุษย์เงินเดือนมีน้อย หากว่าเราลองลดรายจ่ายแบบสุดติ่งกระดิ่งแมวแล้ว เงินก็ยังคงไม่พอใช้ เราต้องหาทางเพิ่มรายได้ทางตรง ไม่ว่าจะเปลี่ยนงาน หรือ หาอาชีพเสริม เพื่อทำให้เรามีเงินเหลือไปลงทุนให้ได้ หากก้าวผ่านความยากอันแรกนี้ไปได้แล้ว ขั้นต่อไปไม่เกินความสามารถแน่นอน