สัมภาษณ์ไม่ผ่าน แต่ไม่เคยรู้เหตุผลว่าทำไมหรือเป็นเพราะเราเก่งไม่พอ ถ้าคุณกำลังสับสน ท้อแท้ กังวลใจ ว่าทำไมสัมภาษณ์งานที่ไหนก็ไม่ผ่าน เริ่มต้นตั้งสติและทำความเข้าใจ มองหางานต่อไปที่คุณจะเลือกไปส้มภาษณ์และคว้างานนั้นมาให้ได้!
“ไม่ผ่านการพิจารณานะคะ
คุณไม่ได้ห่วยแตกค่ะ แค่ยังไม่เหมาะกับเรา...”
การสัมภาษณ์คือการทำความรู้จักและสร้างความเข้าใจร่วมกัน เพื่อบอกว่าเราเหมาะสมกันไหม ดังนั้นผลลัพธ์ของการทำความรู้จัก ย่อมมีทั้งถูกใจและไม่ถูกใจเป็นธรรมดา
เชื่อไหมว่า คนบางคนสัมภาษณ์หลายสิบที่ไม่ผ่านสักที่ กว่าจะหาที่ที่ใช่ มันก็ไม่ง่ายเหมือนหาแฟนนั่นแหละครับ ดูอย่างแจ๊ค หม่า เป็นผู้สมัครงานเพียงคนเดียวที่โดนปฏิเสธจากทุกคนที่เข้าไปสัมภาษณ์รอบเดียวกันที่ KFC นี่คือสิ่งพิสูจน์ว่าผลสัมภาษณ์ไม่ใช่บทสรุปของชีวิต ดังนั้นอย่าลืมตัวตนของตัวเองตอนเข้าไปสัมภาษณ์แล้วประดิษฐ์ตัวตนใหม่เอี่ยมจนไม่มีความจริงเพื่อให้ได้งานนะครับ
ปกติเวลาน้องๆ จบใหม่เข้าไปสัมภาษณ์งาน มักจะเตรียมตัวและหาข้อมูลต่างๆ ที่สอนการตอบคำถามสัมภาษณ์ แบบเป็น Pattern เพื่อจะเอาชนะใจผู้สัมภาษณ์และหวังว่า “ฉันจะต้องได้งานนี้” จนบางครั้งมองข้ามความเหมาะสมระหว่างงานกับตัวเอง ในทุกๆ ประการที่อาจจะไม่มีความสอดคล้องกันเลย
องค์กรแต่ละที่มักมองหา Candidate ที่เก่งและกำลังเป็นที่ต้องการเป็นลำดับแรกจาก Resume หรือประสบการณ์ทำงาน ที่ตรงกับคุณสมบัติ หลังจากนั้นจึงพิสูจน์ทราบซ้ำอีกครั้งว่า Candidate นั้นเหมาะกับองค์กรของเราหรือไม่
"ประตูด่านแรกที่คุณจะชนะใจผู้สัมภาษณ์ได้ก่อนคือความสามารถของคุณที่เหมาะสมกับตำแหน่งที่เขาหาอยู่ เราใช้คำว่า “เหมาะสม” นะครับ เพราะความไม่เหมาะแต่ละครั้งก็อาจจะเกิดจากคุณเก่งเกินไป หรือคุณเก่งน้อยไปก็ได้ การถูกปฏิเสธเพราะเก่งเกินไปนี่ ออกจะน่าภูมิใจอยู่นะครับ นอกเหนือจากทักษะความสามารถแล้ว ไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิตและอุปนิสัยเองก็มีส่วนสำคัญ ที่จะทำให้คุณทำงานนี้ได้นานอย่างมีความสุข หรือต้องทนทำงานให้ผ่านๆ ไปในแต่ละวัน ยกตัวอย่างเช่น คุณเป็นคนมีไลฟ์สไตล์ยามเย็น ชอบสังสรรค์กับเพื่อนในทุกเย็นช่วง 6 โมงถึงสองทุ่ม ในขณะที่งานที่เขาเปิดรับ เป็นงานบริการลูกค้าที่มักต้องทำงานเกินกว่าเวลาปกติ และเลิกราวๆ 2 ทุ่มเสมอ ไม่ว่า Candidate จะเก่งแค่ไหน ทำงานนี้ได้ดีแค่ไหน แต่ถ้ามันขัดกับจริต Candidate ชนิดฟ้ากับเหว ก็คงต้องขอพักไว้ก่อน เพราะมันจะทรมานทั้งหัวหน้าและลูกน้องอย่างไม่สิ้นสุด"
ผมเคยสัมภาษณ์ Candidate คนหนึ่ง เป็นคนที่มีนิสัยสนุกสนานร่าเริง มักมีความโดดเด่นในกลุ่มเพื่อน เป็นผู้นำในกิจกรรม สร้างบรรยากาศสนุกสนานในการทำงานได้ดีตลอดเวลา แต่ตอนสัมภาษณ์บอก อยากทำงานด้านการวิเคราะห์ข้อมูลมาก ๆ ทั้ง ๆ ที่เป็นงานที่ต้องมีสมาธิ อยู่กับ ข้อมูลสำคัญจำนวนมากที่ผิดพลาดไม่ได้ สรุป การทำงานของ Candidate คนนั้น อยู่ในขั้นอดทนแบบอกแตกตาย เพราะขัดต่อจริตอย่างรุนแรง งานออกมาก็ผิดๆ ถูกๆ เพราะสมาธิกระเจิดกระเจิง อยากมีบทสนทนากับเพื่อนๆ ตลอดเวลา ทำเอาหัวหน้ากุมขมับว่าจะผิดอะไรเยอะแยะขนาดนั้น ส่วน Candidate เองก็ต้องอดทนทำงานแต่ละวันให้ผ่านๆ ไป เพื่อจะได้เป็นตัวของตัวเองอีกครั้งหลังเลิกงาน
ดังนั้นสิ่งสำคัญมาก ๆ สำหรับ Candidate ทุกคน คืออย่าหน้ามืดอยากได้งาน จนมองข้ามความเป็นตัวเองและเสกสรรปั้นเรื่องทุกอย่างเพื่อให้ได้งานนั้นนะเป็นอันขาด อย่าลืมว่า เราต้องอยู่กับงานที่เราทำ อย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่เราจะอดทนเพื่อให้มันผ่านไปในทุกวัน
สุดท้ายไม่ว่าจะอย่างไร เราต่างก็เป็นคนธรรมดาด้วยกัน ดังนั้น บรรยากาศที่ผ่อนคลาย พูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมา คือแก่นแท้ที่สำคัญของการสัมภาษณ์ และทำให้องค์กรได้พนักงานที่เหมาะสม รวมถึง Candidate เองก็จะได้ทำงานที่เหมาะสมกับตัวเองเช่นกันครับ
สำหรับ Candidate สิ่งสำคัญที่คุณต้องทำการบ้านมากๆ ก่อนสัมภาษณ์นอกจากรู้จักองค์กรแล้ว คุณต้องรู้จักตัวเองให้ดี และปราศจากอคติ พิจารณา ทบทวนและมองหาตนเองให้เจอว่า เราเก่งอะไร ชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร อะไรอยู่ในระดับที่เราปรับตัวได้ หรืออะไรที่เราทนกับสิ่งนั้นไม่ได้จริงๆ ( อ่านเพิ่มเติม : วิธีแยกแยะ “สิ่งที่เราเกลียด” กับ “สิ่งที่เราไม่ชอบ” ) แล้วอย่าลืมเอาเรื่องพวกนี้ไปคุยกันในห้องสัมภาษณ์ด้วยว่า เราจะเจอสถานการณ์เหล่านี้ไหม...เชื่อผมเถอะ การประดิษฐ์ตนเองให้ได้งาน ไม่เป็นประโยชน์กับตัวคุณและองค์กรที่รับคุณไปเลย การต้องทนอยู่กับงานที่เราเกลียด มันเหมือนอยู่ในนรกและต้องยอมรับความทรมานนั้นในระดับวินาที
มองหางานที่เหมาะกับคุณได้ที่ Chancedee Jobs Market