เมย์ ผู้หญิงตัวเล็กจากร้อยเอ็ดที่ตัดสินใจ ก้าวผ่านความกลัวของตัวเอง ออกเดินทางสู่การเป็นสาวโรงงานในต่างประเทศ และพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าแม้จะจบการศึกษาด้วยวุฒิประกาศนียบัตรวิชาชีพขั้นสูง ก็คว้ารายได้หลักล้านปลดหนี้และดูแลครอบครัวได้
คุณจันทร์ศร จันดา หรือ "เมย์" สาวน้อยลูกชาวนาจากร้อยเอ็ดที่เติบโตขึ้นมาแบบคนทั่ว ๆ ไป เมย์จบการศึกษาประกาศนียบัตรวิชาชีพขั้นสูง (ปวส.) ในสายวิชาชีพบัญชี ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.9 ซึ่งเป็นผลจากความตั้งใจและแรงผลักดันในการเรียนรู้ เมื่อจบการศึกษาเมย์ต้องตัดสินใจเลือกเส้นทางอาชีพ แน่นอนว่าค่านิยมสมัยนั้นคือ การเข้ากรุงเทพฯ เพื่อหางานทำเมื่อเรียนจบ
“ไม่ได้คิดอะไรเลย คิดแค่ว่าอยากทำงานออฟฟิศ ไม่อยากทำโรงงาน อยากแต่งตัวสวยๆ นั่งห้องแอร์ค่ะ (หัวเราะ)”
หลังจากเข้ากรุงเทพฯ เมย์เริ่มอาชีพแรกด้วยตำแหน่งงานฝ่ายบุคคล ในธุรกิจร้านอาหารจากการแนะนำของเพื่อนในหมู่บ้านเดียวกัน 9,500 บาทคือเงินเดือนของเมย์ในขณะนั้นก่อนหักประกันสังคม เธอมีความกระตือรือร้นสูงและตั้งใจเรียนรู้ว่าบทบาทในงานบุคคลนั้นทำหน้าที่อะไรบ้าง ไม่ได้จำกัดเฉพาะงานที่ได้รับมอบหมาย แต่ยังช่วยเหลืองานของเพื่อนร่วมงานเพื่อสร้างความเข้าใจในบริบทการทำงานที่กว้างขวางยิ่งขึ้น เมย์ได้รับมอบหมายในการจัดทำเอกสารงานบุคคล หลังจากเสร็จงานของตนเองเมย์จะไปช่วยงานอื่นๆ ของเพื่อนในหน่วยงานเดียวกัน ด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าทั้งหน่วยงานมีความเชื่อมโยงและแต่ละคนมีหน้าที่อะไรที่ต้องทำในฝ่ายบุคคลนี้บ้าง
“เพื่อนเราทำได้ เราก็ต้องทำได้เหมือนกัน ลองดูไม่เสียหายอะไร”
คือความคิดของเมย์ เมื่อได้รับรู้เงินเดือนจากเพื่อนที่เรียนจบมาด้วยกันว่า เพื่อนเธอนั้นเริ่มต้นงานที่ บริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง ด้วยเงินเดือนเริ่มต้นที่ 13,000 บาท เนื่องจากเมย์ทำงานด้านฝ่ายบุคคล จึงพอทราบรายได้เพื่อนร่วมงาน รุ่นพี่ที่อายุงานมากกว่าเมย์ 5 ปี ได้รายได้อยู่ราวๆ 13,000 บาทเช่นกัน
“เพื่อนที่จบพร้อมกันเริ่มต้นที่ 13,000 บาท ส่วนรุ่นพี่ที่ทำงานที่เดียวกันมา 5 ปี ก็ได้ 13,000 บาท เท่ากัน จุดเริ่มต้นมันต่างกันมาก ทำให้เราคิดว่า เราต้องหาโอกาสให้ตัวเองมากกว่านี้”
เมย์ตัดสินใจยื่นใบสมัครในบริษัทมหาชนด้วยคำแนะนำจากเพื่อนที่ทำงานอยู่ โดยไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก เพียงคิดว่า เมื่อมีโอกาสได้รู้ ก็ไม่เสียหายที่จะลอง
ไม่นานนัก เมย์ได้รับสายโทรศัพท์เรียกสัมภาษณ์จากบริษัทในเครือ ของบริษัทมหาชนนั้น
“เราเป็นเด็กบ้านนอก ไม่รู้เรื่องอะไรมากนัก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบริษัทในเครือคืออะไร แต่เราไป เราไปสัมภาษณ์ด้วยความตั้งใจ ตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า เราตั้งใจแค่ไหน และเราเชื่อมั่นว่าเราทำได้ แม้ในใจจะกลัวมาก (หัวเราะ) คิดอย่างเดียวว่า เพื่อนเราทำได้ เราก็ต้องทำได้” ในที่สุดเมย์ก็ผ่านการสัมภาษณ์และได้เริ่มงานในฝ่ายบุคคล
งานใหม่ของเมย์ พัฒนาเมย์ให้เติบโตอย่างรวดเร็ว ในระยะเวลาห้าปี เมย์เรียนรู้งานในฝ่ายบุคคลหลากหลายหน้างาน เมื่อมีโอกาสได้ปรับเปลี่ยนงาน เมย์ไม่เคยปฏิเสธแม้แต่ครั้งเดียว
“ทำหลายหน้างานเลยค่ะ ทำสัญญาจ้างงาน ทำงานปฏิบัติงานบุคคล งานเพย์โรล แรงงานสัมพันธ์ รวมถึง สรรหาพนักงาน หัวหน้าให้ทำอะไรทำหมด เขาเสนอให้เราทำแปลว่าเขาเชื่อว่าเราทำได้ ทำหมดค่ะ คิดอย่างเดียวคือ โปรไฟล์เราต้องดี”
เมย์เล่าว่า เป็นโชคดีของเมย์ที่ได้เพื่อน ๆ พี่ ๆ ในหน่วยงานที่คอยสอนคอยแนะนำวิธีคิดที่ดีอย่างสม่ำเสมอ นั่นคือเหตุผลสำคัญที่ทำให้เมย์มีทัศนคติที่ดีต่อการทำงานและทำให้เมย์มีรายได้โดยรวม ๆ ต่อเดือน จาก 13,000 บาท เป็น 30,000 บาทในระยะเวลาเพียงห้าปีซึ่งถือว่าเยอะมากสำหรับเมย์ เพราะรายได้เพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าจากที่แรก
“พี่ ๆ ในทีมงานน่ารักมาก มักจะสอนหรือชวนเราคุยเรื่องที่เป็นสิ่งสำคัญในชีวิตเสมอ ๆ เช่น เมย์เก่งอะไร เมย์ทำอะไรได้ดี เมย์อยากรู้เรื่องอะไรเพิ่ม สิ่งที่จะได้ยินเป็นประจำคือ ถ้าเมย์เป็นเจ้าของบริษัท เมย์จะจ้างตัวเองเพราะอะไร”
ถึงแม้จะมีรายได้ที่ดี แต่เมย์ก็ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาหนี้สินจำนวนมาก ซึ่งทำให้เธอตัดสินใจเลือกทางเดินใหม่ไปทำงานในต่างประเทศ เธอเริ่มมองหาทางเลือกในการสร้างรายได้เพิ่มเติม และเมื่อได้เรียนรู้จากเพื่อนที่ไปทำงานในญี่ปุ่น ทำให้เมย์เห็นว่าเป็นโอกาสที่เธอไม่ควรพลาด
“ไม่โทษใครค่ะ ไม่โทษตัวเองด้วย คิดว่าเป็นบทเรียนที่ดี ที่ทำให้เรารู้และอย่าทำแบบนั้นอีก การทำงานในบริษัทใหญ่ มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากเดิม มันทำให้เราอยากได้อยากมี อยากกินอาหารดี ๆ มีเสื้อผ้าดี ๆ ใช้ก่อนคิด บัตรเครดิตรูดก่อนคิดทีหลัง จนรู้ตัวอีกที หนี้สินก็เกินครึ่งล้านไปแล้ว ตอนตัดสินใจจะไปทำงานที่ญี่ปุ่น ไม่ได้หวังรวยนะคะ แค่คิดว่า อยากทำให้ชีวิตติดลบ กลับมาเป็นศูนย์ก็พอ หลังจากนั้นค่อยวางแผนจัดการต่อ”
การตัดสินใจในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เมย์ต้องใช้เงินทุนก้อนใหญ่ในการเรียนภาษาและดำเนินการต่าง ๆ เพื่อเตรียมตัวไปทำงานในญี่ปุ่น แม้จะเกิดความไม่มั่นใจ แต่ความมุ่งมั่นของเธอส่งผลให้เธอได้พบความก้าวหน้าและการสนับสนุนจากคนรอบข้างที่ช่วยเหลือเธอในเรื่องการเงินเพื่อการนี้
เมย์ได้เริ่มต้นการใช้ชีวิตในประเทศญี่ปุ่น โดยเธอต้องเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมและการทำงานในสภาพแวดล้อมใหม่ ด้วยการเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นและการปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตที่แตกต่างจากที่เธอเคยรู้จัก ในช่วงแรก เมย์ต้องเข้ารับการเรียนภาษาอย่างเข้มข้น จากการเรียนในชั้นเรียนตลอดทั้งวันและทบทวนด้วยตัวเองเพิ่มเติม ทำให้เธอมีทักษะภาษาเพียงพอในการสื่อสารและทำงานไปในเวลาเดียวกัน
“ตื่นเต้นทุกขั้นตอน การไปต่างประเทศครั้งแรก การไปเจอผู้คนที่ไม่ได้พูดภาษาไทยเป็นครั้งแรก ภาษาอังกฤษตัวเองก็พูดไม่ได้ กลัวค่ะ แต่เราต้องทำได้ เมื่อตัดสินใจแล้ว เราต้องพยายามให้ถึงที่สุด มีคนทำได้ เราก็ต้องทำได้ คิดเท่านี้ค่ะ”
หลังจากเรียนภาษาได้ไม่นาน เมย์ได้เริ่มการทำงานที่โรงงานแห่งหนึ่งในตำแหน่งการตรวจสอบคุณภาพชิ้นงาน ซึ่งงานของเธอจำเป็นต้องมีการสื่อสารกับสายการผลิตเกี่ยวกับปัญหาของสินค้าที่ผลิต หากพบข้อบกพร่องต้องแจ้งให้แผนกที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการแก้ไข นี่คือช่วงเวลาที่เธอรู้สึกถึงปัญหาภาษาที่ท้าทายมากที่สุด แต่ด้วยความมุ่งมั่นและความพยายาม เมย์สามารถก้าวผ่านอุปสรรคนี้ไปได้อย่างราบรื่น
เมย์ไม่เพียงแค่ทำงานเฉพาะที่ได้รับมอบหมาย แต่เธอได้ตั้งใจเรียนรู้วิธีการทำงานทุกขั้นตอนช่วงเวลาที่อยู่ในญี่ปุ่น ทำให้เธออ่านหนังสือและพัฒนาทักษะมากขึ้น สั่งสมประสบการณ์และอย่างสม่ำเสมอ จนในที่สุดเมย์ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในพนักงานที่มีความสามารถและเป็นล่ามในหลายโครงการที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารระหว่างเพื่อนร่วมงานไทยและญี่ปุ่น ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของเมย์ที่แสดงออกตลอดเวลาที่เมย์พูดถึงเรื่องนี้
ในระยะเวลา 4 ปีครึ่งที่ทำงานในญี่ปุ่น เมย์สามารถปลดหนี้ทั้งหมดได้ และมีเงินเหลือเก็บเพื่อดูแลครอบครัว เธอได้เรียนรู้ถึงคุณค่าของเงินและการใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย อีกทั้งได้ตระหนักถึงความสำคัญของการบริหารจัดการทางการเงิน โดยใช้ประสบการณ์นี้เป็นบทเรียนในการวางแผนทางการเงินอย่างรอบคอบ
จากการที่เคยมีเป้าหมายชีวิตแค่ทำงานออฟฟิศ เมย์ได้เรียนรู้ที่จะวางแผนอนาคตและมองหาวิธีการในการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง “ความมั่นคงคือการมีเงินสำรองในชีวิต ที่ผ่อนเรื่องหนักให้เป็นเรื่องเบาได้” เธอเห็นถึงคุณค่าของการวางแผนทางการเงินและการพัฒนาทักษะต่างๆ ซึ่งทำให้เธอสามารถดูแลครอบครัวได้ดียิ่งขึ้น ทำให้คนรอบข้างเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่ดีในตัวเธอ
“เก็บก่อนใช้ และอดทนกับงานที่ทำให้คุณภาพชีวิตของเราดีขึ้น เราทุกคนทำงานเพื่อมีรายได้เพื่อดูแลตัวเองและคนที่เรารัก ไม่จำเป็นว่าต้องมีความสุข ทุกงานมันเหนื่อย แต่ถ้ามันให้ผลตอบแทนที่ดีและทำให้เราวางแผนการเงินได้ มันก็คุ้มค่าที่จะอดทนและทำงานนั้น เลิกแล้วค่ะ กับเรื่องทำงานออฟฟิศ อยากแต่งตัวสวย ๆ หรือความสุขระหว่างการทำงาน ตอนนี้งานอะไรเมย์ก็ทำได้ ถ้างานนั้นเราทำได้ดีและมีรายได้ที่สามารถเหลือเก็บได้ เราแต่งตัวสวย ๆ เวลาไม่ทำงานก็ได้ค่ะ (หัวเราะ)”
เรื่องราวของจันทร์ศร จันดา สาวน้อยจากร้อยเอ็ดผู้ไม่เคยยอมแพ้ เธอเดินทางจากความกลัวและข้อจำกัดต่าง ๆ จนกลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จได้ในต่างแดน เมย์เป็นตัวอย่างที่ดีของคนที่ลงมือทำและพัฒนาตนเองเพื่อให้ไปถึงจุดหมายในชีวิต
เธอสื่อสารให้คนรอบตัวเห็นว่าความมุ่งมั่นและการไม่กลัวที่จะก้าวข้ามออกจากพื้นที่ปลอดภัยนั้นเป็นสิ่งสำคัญมากที่นำไปสู่ความสำเร็จ การมองข้ามปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ความเหนื่อยล้า ความวุ่นวายของการทำงาน และคนที่ไม่ดีรอบตัวเราคือกุญแจสำคัญที่ทำให้เธอสามารถโฟกัสกับเป้าหมายเธอได้
“อย่ารอให้ถึงทางตัน คิดไว้เสมอว่าอะไรก็ไม่แน่นอน วางแผนล่วงหน้าให้กับตัวเองเยอะ ๆ ถึงเวลาไม่เกิดก็ไม่เป็นอะไร แต่ถ้าเกิดขึ้นมาเราก็จะได้รับมือถูก ที่สำคัญต้องลงมือทำ พัฒนาตัวเองอย่างจริงจัง และอดทน ผลลัพธ์ที่ได้มาสดใสแน่นอน” เมย์ฝากทิ้งท้ายก่อนจะจบการสัมภาษณ์