หากเปิดข่าวในช่วงนี้ จะเห็นบริษัทใหญ่ๆ ประกาศเลิกจ้างพนักงานเป็นพันเป็นหมื่น ทั้งบริษัทในประเทศไทยหรือแม้แต่บริษัทระดับโลกก็ไม่พ้นมรสุมนี้ มีกลุ่มคนหนึ่งที่องค์กรจะยึดมั่นไว้ ไม่ว่าพายุเศรษฐกิจจะแรงแค่ไหน คำถามคือ: เราอยู่ในกลุ่มนั้นหรือไม่?
เมื่อพายุเศรษฐกิจโหมกระหน่ำ เหลือเพียงคนที่มีคุณค่าจริงเท่านั้นที่จะอยู่รอด
ในยุคที่ใครก็ถูกเลิกจ้างได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะถูกเลิกจ้าง
หากเปิดข่าวในช่วงนี้ จะเห็นบริษัทใหญ่ๆ ประกาศเลิกจ้างพนักงานเป็นพันเป็นหมื่น ทั้งบริษัทในประเทศไทยหรือแม้แต่บริษัทระดับโลกก็ไม่พ้นมรสุมนี้ สถานการณ์เศรษฐกิจที่ซบเซา ทำให้ทุกองค์กรต้องตัดค่าใช้จ่าย และค่าใช้จ่ายที่ใหญ่ที่สุดก็คือ เงินเดือนพนักงาน
แต่ในความจริงแล้ว ไม่ใช่ทุกคนที่จะถูกเลิกจ้าง
มีกลุ่มคนหนึ่งที่องค์กรจะยึดมั่นไว้ ไม่ว่าพายุเศรษฐกิจจะแรงแค่ไหน
คำถามคือ: เราอยู่ในกลุ่มนั้นหรือไม่?
เข้าใจก่อนว่า ใครถูกเลิกจ้างก่อน…ในทุกวิกฤตเศรษฐกิจมีรูปแบบที่ชัดเจน
กลุ่มที่ถูกเลิกจ้างก่อน
1. คนที่เงินเดือนสูง แต่ผลงานไม่เท่าเงินเดือน
2. คนที่ทำงานซ้ำซ้อนหรือถูกแทนที่ได้ง่าย
3. คนที่มีปัญหาทางพฤติกรรม
4. คนที่ไม่ปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลง
ลักษณะคนที่องค์กรจะรักษาไว้
1. คนที่สร้างรายได้ให้องค์กร
นักขายที่ได้ยอดจริง ไม่ใช่คนที่ดูดีในสไลด์นำเสนอผลงาน
คนที่ดูแลลูกค้าสำคัญ และลูกค้าไว้ใจ
คนที่นำโครงการที่ทำกำไรได้จริง
"หากคุณทำให้บริษัทได้เงิน บริษัทจะไม่ปล่อยคุณไป"
2. คนที่แก้ปัญหาได้จริง
ไม่ใช่คนที่รายงานปัญหา แต่เป็นคนที่เสนอทางออก
คนที่รับผิดชอบในงานยากๆ ที่คนอื่นไม่อยาก
คนที่ทำให้งานของคนอื่นง่ายขึ้น
3. คนที่มีทักษะหายาก
ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคที่หาคนใหม่ยาก
คนที่มีความรู้เฉพาะทางที่ไม่มีใครแทนได้
คนที่มีเครือข่ายหรือความสัมพันธ์ที่สำคัญ
4. คนที่มีผลผลิตสูงต่อต้นทุน
เงินเดือนไม่สูงมาก แต่ทำงานได้เยอะและดี
คนที่ทำงานได้หลายหน้าที่
คนที่ประหยัดต้นทุนให้องค์กรได้
ยุทธศาสตร์รอดตาย 8 ข้อ สำหรับมนุษย์เงินเดือน
ข้อ 1: เปลี่ยนจาก Cost Center เป็น Profit Center
หยุดมองตัวเองว่าเป็นค่าใช้จ่าย เริ่มมองว่าเป็นเครื่องมือสร้างรายได้
ถามตัวเองทุกวันว่า: "วันนี้ฉันช่วยบริษัทได้เงินหรือประหยัดเงินอย่างไร?"
หาวิธีเชื่อมโยงงานของคุณกับรายได้ หรือการลดต้นทุน เก็บข้อมูลผลงานที่วัดได้เป็นตัวเลข นำเสนอผลงานให้หัวหน้าเห็นอย่างสม่ำเสมอ
ข้อ 2: กลายเป็น Go-To Person
เป็นคนแรกที่คนอื่นนึกถึงเมื่อมีงานสำคัญ เรียนรู้ระบบงานของทั้งองค์กร ไม่ใช่แค่งานของตัวเอง เป็นคนที่ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์
รับงานยากๆ ที่คนอื่นไม่อยากทำ แก้ปัญหาเฉียบพลัน ไม่ลากยาว
ข้อ 3: สร้างความสัมพันธ์กับคนสำคัญ
เครือข่ายภายในองค์กรสำคัญกว่าที่คิดสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับหัวหน้าหลายระดับ ทำงานร่วมกับแผนกอื่นๆ ให้ประสบความสำเร็จ
เป็นคนที่คนอื่นอยากร่วมงานด้วย จำชื่อและสนใจเรื่องส่วนตัวของเพื่อนร่วมงาน
ข้อ 4: พัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง
ในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนเร็ว การหยุดเรียนรู้คือการตาย เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ที่เกี่ยวข้องกับงาน เข้าอบรมหรือสัมมนาที่บริษัทส่งไป
ศึกษาเทรนด์ในอุตสาหกรรมของคุณ เรียนรู้ทักษะที่ขาดแคลนในตลาดแรงงาน
ข้อ 5: อย่าให้กรอบของตำแหน่งมาจำกัดความสามารถ
อย่าติดกับ Job Description เปิดใจรับงานใหม่ เสนอตัวช่วยในโครงการสำคัญ แม้ไม่ใช่หน้าที่ เรียนรู้งานของคนอื่น เพื่อช่วยได้เมื่อจำเป็นคิดในมุมของหัวหน้าและองค์กร ไม่ใช่แค่ตัวเอง ทำงานเหมือนเจ้าของกิจการ ไม่ใช่พนักงานจ้าง
ข้อ 6: เป็นคนคิดบวกในทีม
เมื่อทุกคนกลัวและเครียด คนที่มีพลังบวกจะโดดเด่น ไม่นินทาหรือบ่นเรื่องบริษัท ให้กำลังใจเพื่อนร่วมงาน แทนการสร้างความกังวล
เสนอแนวทางแก้ปัญหา แทนการมัวแต่บ่น เป็นคนที่ทำให้บรรยากาศในออฟฟิศดีขึ้น
ข้อ 7: จับตาสถานการณ์และเตรียมตัว
อ่านสัญญาณล่วงหน้า อย่ารอให้ถึงวันสุดท้าย ติดตามข่าวองค์กรและอุตสาหกรรม
สังเกตการเปลี่ยนแปลงในองค์กร อัพเดท Resume และพอร์ตโฟลิโอให้พร้อม สร้างเครือข่ายภายนอกองค์กร
ข้อ 8: แสดงความจงรักภักดี (แต่ไม่ง่าย)
ความจงรักภักดีที่แท้จริง คือการทำให้องค์กรประสบความสำเร็จ อยู่ทำงานล่วงเวลาเมื่อจำเป็น (ไม่ใช่ทุกวัน) ในภาวะวิกฤตเราจำเป็นต้องเสียสละในบางเรื่องเพื่อความอยู่รอดร่วมกัน รับผิดชอบผลงาน ไม่โยนความผิดให้คนอื่น ปกป้องชื่อเสียงองค์กร เมื่อมีคนมาวิจารณ์ แต่ไม่ใช่การยอมรับการถูกเอาเปรียบ
สิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงในช่วงมรสุม
อย่าทำตัวเป็นคนที่ไม่มีใครมองเห็น
ในช่วงที่มีการเลิกจ้าง การ "อยู่เฉยๆ" คือการเสี่ยง
อย่าหลบหน้าหัวหน้า หรือหลีกเลี่ยงงานยาก อย่ามาทำงานแบบขั้นต่ำ อย่าปฏิเสธงานใหม่ หรือการเปลี่ยนแปลง
อย่าสร้างความขัดแย้ง
ช่วงนี้ไม่ใช่เวลาสำหรับการต่อสู้ อย่าเถียงกับหัวหน้าเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่าวิจารณ์นโยบายใหม่ต่อหน้าคนอื่น อย่าสร้างกลุ่มคัดค้านในองค์กร
อย่าอวดความรู้แบบผิดเวลา
ความรู้ต้องใช้ให้เป็นประโยชน์ ไม่ใช่อวด อย่าบอกว่างานของคนอื่นผิด ถ้าไม่ได้ช่วยแก้ อย่าอวดว่ารู้วิธีที่ดีกว่า แต่ไม่ทำอย่าวิจารณ์การตัดสินใจของผู้บริหาร
เมื่อผ่านพ้นมรสุดแล้ว คุณจะแข็งแกร่งกว่าเดิม
ทุกครั้งที่ภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว องค์กรจะขาดแคลนคนดีๆ คนที่อยู่รอดจากมรสุมนี้ได้ จะกลายเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุด
คุณจะได้เรียนรู้ว่า อะไรคือสิ่งที่สำคัญจริงๆ ในการทำงาน
คุณจะมีทักษะและประสบการณ์ที่หลากหลายกว่าเดิม
คุณจะมีเครือข่ายและความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกว่าเดิม
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คุณจะเข้าใจว่าคุณมีค่าแค่ไหน
มรสุมเลิกจ้างจะผ่านไป แต่คนที่อยู่รอดได้ จะมีทั้งโชคและฝีมือ
โชคคือสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ แต่ฝีมือคือสิ่งที่เราสร้างได้
เริ่มสร้างคุณค่าของตัวเองตั้งแต่วันนี้ อย่ารอให้พายุมาถึงค่อยหาแพ
จำไว้ว่า ในทุกวิกฤต จะมีโอกาสซ่อนอยู่ คนที่เตรียมตัวไว้ดี จะเป็นคนที่คว้าโอกาสนั้นได้
"ใครที่สร้างคุณค่าได้จริง จะไม่ถูกทิ้งให้ลำบาก"
สำหรับเหล่า Grower ทุกคน จำไว้ว่า การอยู่รอดไม่ใช่เรื่องของโชค แต่เป็นเรื่องของการเตรียมตัวและการสร้างคุณค่า เริ่มตั้งแต่วันนี้ ยังไม่สาย